วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

[นอกเรื่อง] BEAUTY YOUTUBE CHANNEL - GODMake & KAWAII PATEEN


    สวัสดีค่ะ!!!  กลับมาต่อจากคราวที่แล้วแนะนำ channel Mimi TV ไป  รอบนี้จะมาต่อ channel ต่อมา

เลยย

............

GODMake






        GODMake รวมๆแล้วก็คล้ายกับ  Mimi TV เพราะมีทั้งสอนแต่งหน้า สอนทำผม รวมไปถึงรีวิว

เครื่องสำอาง แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบ GODMake จะค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า  Mimi TV

และแต่ละคลิปของ GODMake จะเป็นคลิปสั้นๆ เน้นไว ดูปุ๊บแต่งได้ปั๊บ ไม่ต้องมานั่งฟังเกริ่นตอนต้น

มากมาย

HOW TO



HAIR ARRANGE




REVIEW












   นอกจากนี้ที่พิเศษกว่าคืออ จะมี how to สำหรับเทศกาลต่างๆที่ปกติไม่ค่อยเห็น beauty youtuber

ญี่ปุ่นคนไหนทำเท่าไหร่ เช่นดด้านล่างนี้เป็นตัวอย่าง how to ของวันฮาโลวีนที่ผ่านมา (บทจะแต่งก็

แต่งออกมาได้น่ากลัวใช้ได้เลยนะเนี่ย)













     หรือถ้าใครอยากได้แฟนตาซีทั้งหมด ขอเชิญที่ channel ถัดไปค่ะ

........................................................................

KAWAII PATEEN












    สำหรับ channel นี้ก็จะเน้นไปที่การแต่งหน้าแบบแฟนซี แต่งหน้าคอสเพลย์ (ใช้จริงค่อนข้างยาก)

แต่ก็พอมีการแต่งหน้าที่เป็น everyday look อยู่บ้าง




    แต่ที่พิเศษสำหรับ channel นี้คือมีซับภาษาอังกฤษให้สำหรับคนที่ฟังภาษาญี่ปุ่นออก ก็ให้กดที่ปุ่ม

CC ที่มุมล่างขวามือ ก็จะมีซับภาษาอังกฤษขึ้นมาให้แบบนี้






..................................................................................

สำหรับการแนะนำ youtube channel ก็คงมีประมาณนี้ หากใครสนใจก็อย่าลืมไปดูนะคะ สวัสดีค่ะ ^^








วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

[นอกเรื่อง] BEAUTY YOUTUBE CHANNEL - Mimi TV

 
    หลังจากคราวก่อนได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับการแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นไปแล้ว รอบนี้เลยอยากจะมา

แนะนำ youtube channel สอนแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นหน่อย เป็น channel ที่ดูเป็นประจำเวลาหา

อ้างอิงแต่งหน้า (ไม่ได้รู้รายละเอียดถึงขั้นว่าใครเป็นคนสร้างหรอกนะ แค่ชอบเค้าไปหาไอเดียแต่งหน้า

ไม่ก็รีวิวเครื่องสำอางเฉยๆ)

.....................................................

Mimi TV



     Mimi TV เป็น channel ที่มีทั้งสอนแต่งหน้าแบบต่างๆเช่น 毎日メイク(everyday look), ハーフ顔

メイク (ลุคสาวลูกครึ่ง)  เป็นลุคที่ใช้ได้จริง แต่งไม่ยาก (ในบางครั้งแยกความแตกต่างของลุคไม่ออก

ด้วยซ้ำ 555 อย่างที่เคยบอกว่าสาวญี่ปุ่นค่อยข้างมีเอกลักษณ์ในการแต่งหน้า เน้นผิว ตาวิ้งๆ ปัดแก้ม

ชมพูๆ เลยออกมาดูคล้ายกันหมด)



     นอกจากแต่งหน้าแล้วก็ยังมีสอนทำผมต่างๆ เช่น 卒業式ヘアアレ (ทรงผมสำหรับพิธีจบการศึกษา),

春のふんわりヘアアレンジ (ทรงผมสำหรับฤดูใบไม้ผลิ)



     และก็ยังมีรีวิวเครื่องสำอาง ทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง cezanne (セザンヌ), canmake

(キャンメイク) ไปจนถึงแบรนด์ทางฝั่งตะวันตกที่เรียกกันว่า hi-end หรือ counter brand อย่าง

MAC หรือ DIOR ไปจนถึงแบรนด์เกาหลีอย่าง Etude house ก็มีรีวิวมาให้ดู


      คิดว่า channel นี้น่าจะดังในญี่ปุ่นพอสมควรอยู่เหมือนกันเพราะช่วงหลังๆมานี่มีคนดังมาร่วมทำวีดีโอ

อยู่หลายคลิปอยู่ อย่างคลิปด้านล่างนี้


前田希美(maeda nozomi)หรือ まえのん อดีตนางแบบนิตยสาร POPTEEN

** POPTEEN เป็นนิตยสารวัยรุ่นที่ดังมากเล่มหนึ่ง เคยเข้ามาที่ไทยด้วยแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว


板野友美(itano tomomi)คิดว่าหลายคนคงรู้จักเธอแน่นอน

เพราะเธอเป็นถึงอดีตนักร้องเกิลกรุ๊ป AKB48 


 .......................................................................................

     สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับความสวยความงามรวมถึงการแต่งหน้าแบบสาวญี่ปุ่นก็ลองไปติดตาม

channel นี้ดูนะคะ (สาบานว่านี่ไม่ได้รับค่านายหน้าแต่อย่างใด5555) ไว้รอบหน้าจะมาแนะนำ channel

ต่อไปค่ะ บ๊ายบายยย

วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

DAY 7 : 描写

18.03.17

   รอบนี้ในคาบเรียน app jap ling อาจารย์ให้ฝึกอธิบายสภานการณ์โดยให้ดูรูปภาพก่อน เริ่มจากแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ดูภาพแล้วอธิบาย ส่วนอีกกลุ่มจะต้องหันหลังให้ภาพแล้วฟังที่เพื่อนอธิบาย เราได้เป็นกลุ่มที่สองคือเป็นผู้ฟังก่อน ตอนแรกเห็นเพื่อนบ่นว่ายากก็เริ่มกลัวอยู่ แต่ฟังที่เพื่อนอธิบายแล้วก็พอรู้เรื่องนะ แล้วก็ถูกตามภาพด้วย(ได้ดูภาพทีหลัง)

   พอเป็นคราวตัวเองต้องอธิบาย ดูภาพไม่รู้เรื่องเลย555 ต้องออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาไทยก็จะประมาณว่า ภาพที่ได้ดูเป็นเหมือนการ์ตูนสั้นสี่ช่อง ไม่มีคำพูด คล้ายๆที่อยู่ในขายหัวเราะ(ยังมีอยู่ไหมสมัยนี้5555)   ภาพแรกก็จะมีเด็กเล็กที่ยังคลานอยู่กับหมานอนอยู่ตัวนึง ต่อมาคือเด็กก็คิดว่าอยากจะขี่หมา (เป็นรูปกรอบความคิดขึ้นมาแถวๆหัว) จากนั้นเด็กก็เลยคลานเข้าไปใกล้ๆ แต่หมามันก็ลืมตาขึ้นมาพอดี เด็กเลยเปลี่ยนทิศ คือคลานอ้อมไปด้านหลัง แต่พอคลานไปถึงหมาก็หันกลับมา เด็กก็เลยตกใจ (อันนี้มารู้ทีหลังว่าคือที่เด็กตกใจเพราะคิดว่าคลานมาด้านหลังแล้วทำไมหมายังมีหน้ามีตา แต่เราไม่คิดถึงขนาดนั้น คิดว่าเด็กตกใจเพราะหมารู้ทัน)

  ตอนอธิบาย อาจารย์ให้ลองอัดเสียงไว้ ก็เท่าที่ลองมาแกะดูก็ได้ประมาณนี้

写真の中には、あのう、犬と赤ちゃんがいました。犬はその時寝ている。そして、赤ちゃんは犬に乗りたいと思って、その犬に近づいていく。そして、その犬は目覚まして、犬の顔と赤ちゃんの顔とあった。そして、あのう、それで、その赤ちゃんはちょっと後ろ行って回って、犬の後ろ行って、また乗ろうと思ったけど、その犬は振り向いて、また、もう一度、顔あった。



   จากที่ตัวเองพูดมีสิ่งที่อยากแก้หลายอย่างมาก ลองลิสต์มาก็จะได้ประมาณนี้

1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน ตอนที่ขึ้นตอนแรกใช้ いました แต่ต่อมากลายเป็น 寝ている
2. ใช้ その เยอะเกินไป จะเห็นได้ว่ามีทั้ง その犬 その赤ちゃん
3. ใช้คำฟุ่มเฟือยเกินไป เช่น そして แล้วยังต่อด้วย それで  , また ต่อด้วย もう一度
4. ไม่รู้คำศัพท์ เช่น คำว่าคลาน (ハイハイする) เลยเปลี่ยนไปใช้คำว่าไป (行く) หรือคำว่าเผชิญหน้า(顔を合わせる) กลายเป็นคำว่า 顔あった ไปแทน
5. การละคำช่วย เช่น 犬の後ろ()行って

  ต่อมาเป็นการอธิบายรูปที่สอง รูปนี้คือรูปที่กลุ่มแรกอธิบายและให้เราหันหลัง โดยรอบนี้อาจารย์แจกการเขียนอธิบายสถานการณ์ที่คนญี่ปุ่นเขียนไว้เพื่อให้รู้วลีและคำศัพท์ที่เป็นประโยชน์ แล้วค่อยมาลองพูดอีกรอบ รูปนี้สถานการณ์คือ น่าจะเป็นล้อบบี้ของโรงแรม มีโซฟา ที่โซฟามีคนนั่งอยู่สองคน เป็นผู้ชาย คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อีกคนนั่งเฉยๆ แล้วก็มองไปเห็นผู้ชายสะพายกล้องและถือแผนที่(น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว) จากนั้นก็สบตากัน แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา ผู้ชายที่นั่งอยู่เลยไปหลบหลังหนังสือพิมพ์ที่ผู้ชายคนข้างๆอ่าน

  เท่าที่คุยกันก็ตีความกันมาว่าผู้ชายคนที่เป็นนักท่องเที่ยวน่าจะเป็นชาวต่างชาติ แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อาจจะไม่อยากคุย ไม่มั่นใจในภาษา(มีคนญี่ปุ่นเขียนว่าเป็นนิสัยของคนญี่ปุ่นที่จะหลีกเลี่ยงชาวต่างชาติ) ก็เลยหลบดีกว่า เราเองก็ตีความไม่ได้ขนาดนั้นหรอก(555) ก็จำๆเอา แล้วอาจารย์ถึงให้ลองพูดอีกครั้ง ได้ประมาณนี้

 ホテルのロビーのソファーに二人の男の子が座っている。その二人は知り合いではありません。そして、ある男の人は新聞を読んでいる。そして、もう一人の男の人はただ座っている。そして、ちょっと離れたところにカメラと地図を持っている外国人がいる。その外国人は困っている顔をして、地図を見て、どこか行きたかったので、でもその地図たぶん読めない。だから、誰かに聞こうと思った。そして、その外国人は暇な男と目あって、「あ!この人聞こう」と思ったので、その男の人に歩いて行った。でも、その男の人は外国人と話したくないので、隣の新聞を読んでいる人と近づいて、新聞の後ろに隠れた。



 อันนี้รู้สึกว่าเละเทะกว่าอันแรกมาก แถมพูดยาวกว่ามากเพราะเราได้ข้อมูลทั้งหมดหลังจากพูดคุยกับเพื่อนและอาจารย์ สรุปข้อที่อยากแก้ไขก็คล้ายๆเดิม

1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน
2. ใช้ そして เยอะมาก
3. その ยังคงเยอะเช่นกัน
4. พูดผิดไวยกรณ์หรือศัพท์ผิด เช่น 新聞を読んでいる人近づいて ควรเป็น 新聞を読んでいる人近づいて หรือ 困っている顔 น่าจะเป็น 困っ

   ที่คิดว่าอันหลังพูดได้แย่กว่าเพราะพอเราได้ข้อมูลมาเยอะ เราพยายามจะใส่มันเข้าไปทั้งหมด รวมถึงพยายามจะใช้คำเลียนแบบคนญี่ปุ่น แต่เพราะยังไม่คล่องทำให้จะกุกตะกักและพูดผิด

  อีกประเด็นที่อาจารย์เสริมให้คือการใช้รูปที่แสดงอารมณ์หรือท่าทาง เช่น ている、てしまう หรือพวกคำเลียนเสียงต่างๆเพื่อให้สื่ออารมณ์ได้ดีขึ้น

  สรุปง่ายๆคือ ฝึกวนไปค่ะ!!

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

DAY 6 : 紹介文

04.03.17

   รอบนี้มีงานเขียนแนะนำอะไรก็ได้ในมหาลัย เลยเลือกเทวาลัยเพราะเป็นตึกที่ชอบ และเพื่อนคณะอื่นไม่ค่อยรู้ว่าเป็นตึกของคณะอักษรและก็ไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร

  รอบแรกลองร่างเป็นภาษาไทยก่อน ก็ได้ออกมาตามด้านล่าง

" เทวาลัยประกอบด้วยอาคารสองอาคาร ได้แก่ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ และ อาคารมหาวชิราวุธ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์สร้างขึ้นในปีพ.. 2457 เป็นอาคาร 2 ชั้น เดิมใช้เป็นสำนักงานบริหารและอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนอาคารมหาวชิราวุธเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยเพิ่มชั้นใต้ดินและชั้นใต้หลังคา ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักคณบดี แผนกธุรการต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ และห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ "

    แล้วคาบต่อมาถึงได้ให้เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นและก็ได้รู้ว่าหายนะมีจริง เพราะมีศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไรดีอยู่เยอะมาก เช่น อาคารสำนักคณบดี แต่ก็ลองมั่วๆคำเท่าที่ทำได้ ลองเสิช google ดูว่าคนใช้คำไหนกัน นอกจากนั้นก็เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาเพราะว่าเท่าที่ลองร่างมาเป็นภาษาไทยมันสั้นเกิดไป เช่น สร้างโดยใคร  เมื่อปีพ.ศ.อะไร เป็นต้น

   รอบแรกที่ส่งไปก็ได้รับการแก้ไข เช่น การใช้คำศัพท์ รวมถึงไวยกรณ์ที่ใช้ …で、…です。ซึ่งอาจารย์บอกว่าใช้ไม่ได้ ก็ลองปรับ นอกจากนี้ก็เปลี่ยนจากคำว่า 勤めた เป็น 勤めていた เพื่อบอกว่าคนที่ออกแบบตึกทำงานที่ไหน เป็นกริยาที่ต้องเน้นระยะเวลาและความต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็ลองค้นหาคำใหม่มาใส่แทน และก็ส่งไปอีกรอบ

  รอบนี้ได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับการแบ่งย่อหน้า เนื่องจากเขียนเปรียบเทียบระหว่างเทวาลัยที่มีสองอาคาร อาคารหนึ่งใหญ่กว่าอีกอาคารหนึ่ง อาจารย์เขียนคอมเม้นต์มาว่าในการเปรียบเทียบ ควรจัดเลย์เอ้าท์ให้อ่านง่ายและเหมาะสม เลยใช้คำว่า 一方 เพื่อเปรียบเทียบ และลองแบ่งย่อหน้าใหม่อีกรอบ ให้ย่อหน้าแรกเป็นย่อหน้าเกริ่น ย่อหน้าสองพูดถึงอาคารหลังใหญ่ ย่อหน้าสามพูดถึงอาคารหลังเล็ก และย่อหน้าสุดท้ายเป็นสรุป และแก้ไขประโยค 文学部の人たちの誇りのようです เพราะอาจารย์คอมเม้นต์มาว่าหากใส่ よう จะดูไม่มั่นใจ เลยตัดออกไป

  หลังจากเขียนแก้เสร็จแล้วก็เอาไปให้ชาวญี่ปุ่นในเว็บ lang-8 ช่วยแก้ไขให้อีกรอบหนึ่ง ซึ่งอันที่เสร็จสมบูรณ์คืออันนี้ 

テーワーライ:文学部の象徴

 チュラーロンコーン大学には美しいタイ風の建物があります。2軒の建物があって、真ん中にある渡り廊下で繋がっています。この建物は文学部の建物で、テーワーライと呼ばれています。2軒の建物はそっくりに見えますが、実は大きいのと小さいのがあります。

 大きい建物はマハーチュラーロンコーンと呼ばれています。タイの内務省に勤めていたドイツ人の建築家と教育省に勤めていたのイギリス人の建築家によって設計されて、仏歴2457年に建てられました。13世紀のタイのスコータイ時代の美術とサワンカロークの美術の影響を受けました。2皆で、昔は管理事務所とチュラーロンコーン大学の最初の校舎として使われていました。しかし、現在は閉まっていて、大切な儀式にだけ使われます。
 一方、小さい建物はマハーワシラーウットと呼ばれています。地下と屋根裏を含めて、4階の建物になりました。文学部長室と事務室と図書館として使われています。

 テーワーライは美しくて、長い歴史があるので、チュラーロンコーン大学の大切な1軒の建物、そして文学部の人たちの誇りです。


   ที่แก้มาให้คือตรงประโยค  真ん中にある渡り廊下で繋がっています  ตอนแรกที่เขียนไปไม่ได้ใส่คำว่า
ある

  จากบทเรียนนี้ก็ได้ฝึกการเขียน 紹介文 และได้ความรู้หลายๆอย่าง ถึงจะยากแต่ก็ช่วยให้เราพัฒนาไปได้อีกระดับ

......................................................