วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
DAY 10 : あいづちーこれで終わり
การเขียนบล๊อคครั้งสุดท้ายยย เนื่องจากสอบวิชานี้เสร็จแล้ว เหลือสอบอีกหนึ่งวิชาก็จะจบปี4
รอรับปริญญา พูดแล้วก็ใจหาย สี่ปีผ่านไปไวมาก
กลับมาที่เรื่องบล๊อคครั้งนี้ ต่อจากครั้งที่แล้วที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับ いい聞き手 หรือการเป็นผู้ฟัง
ที่ดี ก่อนหน้านี้เมื่อตอน 描写 อาจารย์เคยให้อัดเสียงตอนฟังเพื่อนเล่าเรื่อง แล้วทีนี้ก็เอาคลิปเสียงนั้น
แหละมาลองดูว่า あいづち ของตัวเองเป็นยังไง
เรื่องแรก:
ある男んお人が、えーと、あるホテルのロビーのソファーに座っています。(うん)彼の隣に座っているのは、えーと、新聞を読んでいる人。で、彼はもう暇だから、えーと、えーと、前の方に見ました。そこで、えーと、向こう側で地図を見ている観光客が、えーと、観光客と偶然目が合ってました。(うん)で、その観光客はたぶん道があまり分からないので、地図を持って彼の方へ歩いてきた。たぶん道を聞こうとしました。でも、その男の人は、たぶん、なんか知らない人と話したくないから、えーと、隣の新聞を読んでいる人と、なんか、一緒に座って、なんか、近づいてその新聞の後ろに自分を隠しました。
เรื่องที่สอง:
えーと。ある赤ちゃんがいました。そして、赤ちゃんの隣に、えーと、赤ちゃんの隣である犬が寝てました。赤ちゃんが犬に、また犬の背に乗って遊ぼうと思ってました。だから、えーと、犬にハイハイをして近づい、近づきました。(うん)しかし、えーと、犬の目の前まで近づくと、犬が目を覚ましてしまいました。なので、えーと子供と犬と目が合ってしまいました。赤ちゃん、赤ちゃんが「あ!やばい」と思って、「あ!やばい」えーと、犬に気づかれてしまったと思って、えーと、後ろの方から乗ろうと思いました。なので、えーと、犬のしっぽの方にハイハイで回ってました。しかしその時犬が向きを変えました。だから、赤ちゃんが後ろ、犬の後ろまで回ったのにどうしてまた犬の顔合ってしまったか全然理解出来なくて、びっくりしました。
นี่เป็นเรื่องสองเรื่องที่ฟังจากเพื่อน ส่วนที่เป็นสีฟ้าคือ あいづち ของเรา จะเห็นได้ว่าแทบไม่พูดอะไร
เลย เพราะเพื่อนตั้งสมาธิในการเล่าเรื่องมาก พูดมากเดี๋ยวเพื่อนลืม5555
ส่วนอันต่อไปเป็นการฝึกหลังจากที่ได้เรียนเรื่อง いい聞き手 แล้ว
女性と男性が付き合って、(うん)で、女性の方が美容整形を受けたことがあって、(うん)初めは男性の方はこのこて知らない。(ああ)知らなかった。で、なんか、たぶん彼女が...(ฟังไม่ออก)たから、(うん)ある日、彼に自分の昔の写真見られてしまった。で、自分、なんかびっくりしたけど、(うん)なんか、彼氏は「まあ、いいよ。気にしなくていい」と言った。(いい彼氏だね)そうだね(笑)でも、まだある。(うんうん)その時彼が自分の髪に手を置いて(うん)引っ張って、ウィッグを(ヤバイじゃん。笑)取った。で、なんか実は彼はスキンドヘード(笑)。
จะเห็นได้ว่าอัตราการ あいづち เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่รู้ 気付き แล้วว่าบทนี้เรียนเรื่อง
あいづち เพราะฉะนั้นเราต้อง あいづち ให้มากๆ
จุดที่ดีขึ้น
- จำนวนหรือการตอบรับมากขึ้น
- มีการออกความเห็น เช่น いい彼氏だね ヤバイじゃん
จุดที่แก้ไขได้
- ใช้คำอื่นนอกจาก うん
- พูดซ้ำคำที่เพื่อนพูด
..............................................................................................
ที่ลองวิเคราะห์มาก็มีประมาณนี้ รวมกับเทคนิคที่ได้จากการฟัง 日天 ในครั้งก่อนก็น่าจะช่วยให้เรา
นำไปปรับปรุงเพื่อให้เป็น いい聞き手 ได้ สำหรับหัวข้อนี้ก็มีประมาณนี้
................................................................................................
และไหนๆก็เป็นบล๊อคครั้งสุดท้าย เรียนวิชานี้มาสี่เดือน ตอนแรกนึกว่าเป็นวิชาที่เน้นด้านทฤษฎี
คล้ายกับ jp ling ของอาจารย์อัษฎายุทธ์ แต่จริงๆแล้วต่างกันมาก วิชานี้เป็นวิชาที่ต้องฝึกเยอะ เน้น
output มากซึ่งโดยปกติเป็นคนที่ชอบ input มากกว่า แต่การที่ได้ output มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราผิด
พลาดตรงไหน ตรงไหนที่ต้องแก้ไขหรือยังแก้ไขปรับปรุงได้เพื่อให้ภาษาญี่ปุ่นของเราดีขึ้น และรู้สึกว่า
ตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยจะผิดอะไรซ้ำๆ ถ้าโดยแก้มาจะจำและไม้ใช้ผิดซึ่งก็ได้จากวิชานี้หลายเรื่อง ทั้ง
การใช้ てくる・ていく การใช้ が กับประธานในประโยคขยาย (ที่เคยเรียนแล้วแน่ๆแต่นานจนลืม)
N1 は N2 です เหมือนเราได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่ลืมไปแล้วอีกครั้งด้วย ก็คิดว่าเป็นอีกวิชาที่มีประโยชน์
ก่อนจะจบและไปใช้ภาษาญี่ปุ่นในการทำงานจริงๆ
(เรียน) จบแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาา บ๊ายบายยย
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560
DAY 9 : いい聞き手になろう!
กลับมาอีกครั้งกับบล็อคที่เป็นบทเรียน ล่าสุดได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องของ いい聞き手 หรือการเป็น
ผู้ฟังที่ดี ผู้ฟังที่ดีไม่ใช่แค่ตั้งใจฟังเท่านั้น สำหรับภาษาญี่ปุ่น ยังมีสิ่งสำคัญต่างๆเช่น あいづち
คือพวกคำตอบรับ เช่น はい、えー、そうですか หรือคำที่แสดงให้ผู้พูดรับรู้ว่ากำลังฟังอยู่และ
มีความรู้สึกร่วมไปกับบทสนทนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นมากในภาษาไทย โดยปกติเวลาที่ฟังเพื่อน
พูดก็จะตอบรับเป็นครั้งคราว ชอบฟังเงียบๆจนกว่าเพื่อนจะเล่าจบแล้วค่อยพูดต่อทีเดียวมากกว่า
ในคาบเรียนอาจารย์ก็ให้ลองฟังที่เคยอัดเสียงตอนเล่า 描写 ก็รู้ว่าคำพูดที่ตัวเองใช้มากที่สุดคือ
うん นอกนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
อาจารย์เลยให้ทุกคนลองมาฟังรายการที่ชื่อว่า 日天(nichiten)ซึ่งเป็นรายการของทาง TBS radio
ปัจจุบันไม่มีแล้ว รายการก็จะประมาณว่าจะอ่านจดหมายจากทางบ้านแล้วก็แสดงความคิดเห็น คนอานจะ
เป็นผู้จัดรายการผู้ชาย แล้วก็จะมีผู้จัดรายการร่วมอีกคนเป็นผู้หญิงคอยฟังและคอยตอบรับ
เรื่องที่เลือกมาฟังเรื่องแรกคือเรื่อง 必死に走った話ー告白の後?ー เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มอายุ
17 จากจังหวัดไซตามะเล่าว่าตัดสินใจสารภาพรักกับเพื่อนสนิทผู้หญิงแล้วก็ได้คบกัน
อีกเรื่องที่เลือกฟังคือเรื่อง 忘れられないあの言葉ー十年後の私 เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ป่วยในวันที่ต้องส่ง 卒業文集 เกี่ยวกับตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า อาจารย์เลยเขียนแทน แต่ในปัจจุบัน
ตัวเองกลับตรงข้ามกับสิ่งที่อาจารย์เขียน สิ่งที่สังเกตจากการตอบรับของผู้หญิงในเรื่องนี้ก็คล้ายเดิม
ลองสรุปออกมาก็จะได้ประมาณนี้
1. ในตอนที่ผู้ชายอ่านข้อความ ผู้หญิงมักจะตอบรับท้ายประโยค เช่น このチャンスを逃したら何も伝えられず卒業してしまうかもしれない、〈ん〉だったら振られても、ゆおう、もうここで、終わらせようではないか、〈はー〉そしてその子に伝えました、〈はい〉今まで好きだったと、そしたら、その子は何とも断る雰囲気ではなさそう、〈は〉むしろその気がありそう。
2. ช่วงที่ผู้ชายอ่านแทบจะไม่ค่อย あいづち และส่วนใหญ่เป็น あいづち ที่แสดงการรับรู้ เช่น はい、ん、えー
3. ส่วนตอนที่อ่านจบและพูดถึงเรื่องราวในจดหมาย จะใช้ あいづち เป็นจำนวนมากเพราะเหมือน
ทั้งสองฝ่ายคุยกัน ผู้หญิงมักจะหัวเราะไปกับสิ่งที่ผู้ชายพูด แต่จะไม่แทรกกลางประโยค จะรอให้ผู้ชายพูดจบประโยคก่อน
4. ใช้พวก そうなんだ、そうか、そうですね เยอะ
5. มักจะตอบรับทุกครั้งที่ผู้ชายลงท้ายด้วย よ、ね
6. บางครั้งมีการทวนสิ่งที่ผู้ชายพูดมา เช่น それが楽しくてね、〈{笑}、うーん、{笑}〉面白かったーと思って〈面白いです{笑いながら}〉
7. ใส่ความคิดเห็นลงไปในบางครั้ง เช่น もう一つの保育園はさらにその先生の手が入っちゃって、〈うん〉なんかウルトラマンのように、正義感をもつ大人になりたい〈{笑}〉みたいな、〈やりすぎでしょ{笑いながら}〉
8. มีการใช้คำผสมระหว่างเป็นทางการกับไม่เป็นทางการ จะเห็นได้มีการใช้ภาษาทางการเช่น はい、
そうですね、そうなんですか และภาษาไม่เป็นทางการเช่น うん 、そうかな
.........................................................................
หลังจากที่ได้ลองคนญี่ปุ่นพูดกันก็รู้สึกว่าคนญี่ปุ่นใช้ あいづち เยอะๆจริง และนอกเหนือจาก
あいづち แล้วก็ยังมีเคล็ดลับอีกหลายอย่างที่จะทำให้เป็นผู้ฟังที่ดีเช่นข้อด้านบนที่สังเกตมา คิดว่า
หลังจากนี้คงต้องพยายามใช้ให้มากขึ้น UU
สำหรับหัวข้อนี้ก็คงประมาณนี้ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ ~~
วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560
DAY 8 : 空想作文
กลับมาเขียนเรื่องเกี่ยวกับวิชาเรียนอีกแล้วว ช่วงสองสามอาทิตย์มานี่เรียนเกี่ยวกับเรื่อง 描写
หรือการบรรยาย พรรณนา ที่คราวที่แล้วเขียนถึงบรรยายภาพเด็กกับสุนัข กับชาวต่างชาติถามทาง
คาบหลังจากนั้นก็ได้ลองเขียน อาจารย์ให้เรื่องมาประมาณว่า ผมเดินๆอยู่แล้วก็เจอผี เลย
พยายามหนี หนีเข้าไปในบ้านก็เป็นบ้านผีอีก หลังจากนั้นก็ไปเจอเพื่อน แล้วเพื่อนก็ช่วยกำจัดผีให้
หน้าที่ของเราคือการใส่รายละเอียดให้กับเรื่อง ก็สนุกดี
แต่ที่ยากคือการบ้านที่ต้องคิดเรื่องเองทั้งหมด หรือที่เรียกว่า 空想作文 ไม่อยู่ในช่วงที่จะ
จินตนาการอะไรขึ้นมาเองทั้งนั้นเพราะทุกวิชางานรุมเร้า กรี้ดด T^T นั่งคิดอยู่นานมากว่าจะเขียนเรื่อง
เกี่ยวกับอะไรที่จะมีการบรรยายเยอะๆ สุดท้ายก็เลยใช้ประสบการณ์ของตัวเองเขียนไปเลย ออกมา
ไม่ยาวมากเพราะจริงๆก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่พีคอะไรขนาดนั้น แต่ก็พีคสุดที่มีแล้ว
จากนั้นอาจารย์ก็ให้เพื่อนๆในคลาสช่วยคอมเม้นต์ แล้วก็ให้กลับมาแก้อีกครั้ง เพิ่งรู้ว่าเราสามารถ
สร้างเรื่องแบบสุดๆได้ (ตอนแรกที่เขียนไปคือไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มเติมเลย เรื่องจริงล้วนๆ)
คอมเม้นต์จุดที่ควรปรับปรุงก็คือบางประโยคสั้นเกินไป(?) ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ไปแก้ให้ยาวขึ้น
กับตอนจบอยากให้พีคกว่านี้ คือให้ใส่ 以外性 แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่าจะหักมุมยังไง
แต่ที่เรียนมาก็ได้เทคนิคเกี่ยวกับการบรรยายมาเยอะ แต่จะทำได้รึเปล่าเป็นอีกเรื่อง555 ไม่ใช่คน
ชอบเขียนนิยายหรืออะไรมากนัก ลองสรุปว่า 描写 กับ 空想作文 ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
1. 臨場感 คือสิ่งสำคัญ ควรบรรยายให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ มีอารมณ์ร่วมและนึกภาพ
ตามสิ่งที่เราบรรยายได้ เพื่อให้เกิด 臨場感 เราควรทำยังไงดี??? ก็มีเทคนิคอยู่
- การใช้ ~ていく、~てくる จะทำให้เห็นภาพและรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริงได้ เช่น
近づく กับ 近づいてくる ถ้าได้ยินอย่างหลัง เราจะรู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังเข้ามาหาเราจริงๆ
- ใช้ ~てしまう เพื่อใส่อารมณ์ความรู้สึกให้กับเรื่อง
- 擬態語、擬音語・擬声語 หรือพวกคำเลียนเสียงต่างๆ อันนี้ยากมากก เพราะรู้สึกแยกความแตก
ต่างพวกนี้ไม่ค่อยได้ และคำเยอะมาก จำยาก แต่คำพวกนี้จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น
2.意外性 ถ้าใส่จะทำให้เรื่องน่าสนใจ ก็จริงนะ เราก็รู้สึกว่าพอมันหักมุมมันจะแบบ อ้าวเฮ้ย
(ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา) แต่บางทีก็ไม่ชอบ ชอบอะไรทีมันเรื่อยๆมากกว่า555
จบเรื่องเทคนิคการเขียนแล้วว มาดูเรื่องไวยกรณ์ดีกว่า โดนแก้กลับมาเพียบ 5555 ลองสรุปเรื่อง
ที่โดนแก้ดู
1.~ていた
- 私はいつもそういうチェーンメールを
- その日、私は休みで一人で留守番を
2.N1は、N2です。 พอประโยคยาวๆก็เริ่มลืมตอนขึ้นต้น
- メールの内容は……ました。×
อย่างอันนี้คือลงท้ายด้วยกริยา ซึ่งมันควรต้องลงท้ายด้วยนาม
3.~てくる พออาจารย์บอกให้ใส่ก็ใส่ซะ 555 ปกติก็ใส่บ้างอยู่แล้ว แต่พอโดนบอกมันเหมือนเราจะ
พยายามกันมากเกินไป แล้วก็มีกริยาบางตัวที่ไม่ควรใส่ เช่น
- 気づいてきました。×
気づいました。○
- 盗難警報器が大きく鳴ってきました。×
盗難警報器が大きく鳴り出すしました。○
盗難警報器が大きく鳴り始めました。○
4.การใช้ は・が เช่น
- 私
気付きました。
อย่างประโยคนี้ที่ใช้ が เพราะเนื้อหาหลักมันอยู่ที่ประโยคหลัง ข้างหน้าเหมือนเป็นแค่ส่วนขยาย
ถ้าแก้เป็น
これからどうしようと思っているとき、私は足元に大きい箱が置いてあることに
気付きました。น่าจะโอเค(?)
5.- 自分の部屋に戻った、本を読みました。×
- 自分の部屋に戻った、本を読んでいました。○
自分の部屋に戻った、本を読み始めました。○
6.- チェーンメールのことをふっと思ってきました。×
チェーンメールのことをふっと思い出しました。○
7.อื่นๆ เช่น คำช่วยผิด ลืมคำช่วย
................................................................................................................
お化けが訪れた
お化けのことを信じていますか?。これから話すのは私が中学生2年の時に体験した話です。そのころ、怖いチェーンメールがとても流行っていて、私はいつもそういうチェーンメールを見ていましたが、全然信じていませんでした。その日私は休みで一人で留守番していました。インターネットをしている時、私はある若者に人気があるウェッブボードでチェーンメールを読んでしまいました。メールの内容はこうでした。ある男の子が通学の途中に怪しい箱を偶然見つかって、その箱を気になった男の子はつい家に持って帰ってしました。自分寝室でその箱を開けてみると、黒くて長い髪をして、目が真っ赤な女のお化けが箱から這い出してきて、男の子を殺してしまったという話でした。そして、メールの最後にもし読んだ人はこのチェーンメールを5人に送らなかったら、女のお化けが会いに行くとも書いてありました。しかし、「またこんなメールなの?ばかばかしいな」と思って、いつものようにそのチェーンメールを無視した私はインターネットをやめて、自分の部屋に戻って、本を読み始めました。しばらく読んでいたら、突然家の全部の電気が消えてしまって、盗難警報器が大きく鳴り出しました。暗い部屋の中の私はとてもびっくりして、チェーンメールのことをふっと思い出しました。あまりの怖さで私は動くことさえできませんでした。「まさかあの女のお化けが本当に来るの!やばいよ!死にたくないよ!逃げなきゃ!」と頭の中で叫んで、私は頑張って、すぐ家から速く走って出ました。やっとのことで家の前まで走りましたが、とても静かで、そこに誰もいませんでした。私がこれからどうしようと思っているとき、足元に大きい箱が置いてあることに気付きました。「箱もあるの?!」と思った私は怖くて震えて泣き出しそうな時に、母が帰ってきました。「何してるの?」と聞かれましたが、お化けが来たと答えたらきっと笑われるだろうと思いましたから、何でもないと答えて、母と家に入りました。後知ったことですが、あの日はただ普通の停電が起きて、その箱はものを捨てるために置いてあっただけだとのこと。
................................................................................................................
ด้านบนคืออันที่แก้อีกรอบแล้ว (และมั่นใจว่ายังไม่สมบูรณ์) แต่ก็ได้ฝึกและได้รู้อะไรมากขึ้น ถือว่าเป็น
ประโยชน์มากๆกับตัวเอง T^T เจอกันบล็อคครั้งหน้าค่ะ ขอบคุณค่ะ
วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560
[นอกเรื่อง] คำศัพท์เพลง 忘れじの言の葉 OST. グリムノーツ
วันนี้อยากจะเขียนเกี่ยวกับเพลงญี่ปุ่นที่ชอบ เพลงนี้เป็นเพลงประกอบเกมส์ในสมาร์ทโฟน
เคยติดเกมส์นี้ตอนเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นเพราะตัวละครน่ารักดี แต่พอเปลี่ยนมือถือแล้วลืมแบคอัพดาต้า
ข้อมูลต่างๆที่เคยเล่นเลยหายหมดเลย เสียใจมาก T^T
เกมส์นี้มีชื่อว่า グリムノーツ (Grimms note)ซึ่งแปลว่าอะไรไม่รู้ แต่คาดว่าน่าจะอ้างอิงมาจาก
นิทานกริมส์ หน้าตาเกมส์ก็จะเป็นแบบนี้ เป็นเกมส์แนวต่อสู้แบบแฟนตาซี เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งหนึ่งที่
ถูกมนต์ดำเข้าครอบงำ ส่วนเราก็จะเป็นผู้กล้าเข้าไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดต่างๆ
อันนี้เป็นโฆษณาของเกมส์ที่ปล่อยออกมา ก็จะมีการเกริ่นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของเกมส์ รวมไปถึง
พรีวิวฉากในเกมส์คร่าวๆ
จากตัวโฆษณาคงได้ยินเพลงของเกมส์นิดหน่อยแล้ว มาลองดูเวอร์ชั่นเต็มกันดีกว่า เพลงนี้มีชื่อว่า
忘れじの言の葉 ที่ชอบเพลงนี้มีหลายเหตุผล ทั้งทำนอง เสียงร้อง ไปจนถึงความหมายที่ฟัง
คร่าวๆแล้วชอบ แต่ก็ยังมีศัพท์หลายคำที่ไม่รู้และคิดว่าน่าสนใจ แม้ไม่ได้เป็นศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
แต่ส่วนตัวชอบอะไรที่เป็นแนวแฟนตาซีอยู่แล้ว เลยอยากลองหาความหมายของศัพท์ในเนื้อเพลงดู
PS. ไม่ค่อยชอบแปลเพลงแบบเต็มๆเท่าไหร่ด้วยความที่เนื้อเพลงมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ต้องให้ลง
กับเมโลดี้ ทำให้ต้องละคำช่วยหรือคำอื่นๆทำให้ความหมายมีความคลุมเครือ จึงขึ้นอยู่กับคนที่แปล
ว่าอยากให้ออกมาแบบไหนมากกว่า
คำศัพท์ที่หาคือหาแบบแปลไทยด้วย ถ้าคำไหนคิดว่าภาษาไทยทำให้เข้าใจยากหรือไม่มีใน
ภาษาไทยก็จะใส่คำแปลแบบญี่ปุ่นกำกับไว้ คำที่มีหลายความหมายจะหาความหมายที่ตรงกับบริบท
ในเพลง
............................................................................................................
คำศัพท์
忘れじ(わすれじ)เป็นภาษาเก่าของ 忘れない แปลว่า ไม่ลืม
* ไปค้นเพิ่มเติมมา เป็น 古典文法 หมายถึง ~ないだろう。~ないつもりだ。ไม่แน่ใจวิธีผัน
เท่าไหร่ เท่าที่ลองอ่านประโยคในคำอธิบายรู้สึกว่าตัด ない เติม じ ได้เลย
言の葉 (ことのは)คำ เพลง
紡ぐ (つむぐ)ถักทอ ร้อยเรียง
[言葉をつなげて文章を作る。多く、物語や詩歌などを作ることをいう。]
微睡む(まどろむ)เคลิ้ม หลับ
[少しの間うとうとする。または、眠る。寝入る。]
泡沫 (うたかた)เปราะบาง สลายไปอย่างง่ายดาย
[はかなく消えやすいもののたとえ]
お伽(おとぎ)น่าจะหมายถึงคนที่คอยเล่าเรื่องหรือคนกล่อมเข้านอน
[夜のつれづれを慰めるために話し相手となること。また、その人。]
[寝所に侍ること。また、その人。]
さしのべる ยื่นออกไป
零れる (こぼれる)เอ่อล้น
一滴(ひとしずく)หนึ่งหยด
面影(おもかげ)ภาพเงาในอดีต
虚ろ (うつろ)กลวง ว่างเปล่า
[何千万かの、または、数千万もの。「幾」は数量が定かでなく、「いくつかの」
または「いくつもの」といった意味を加える語。]
旋律(せんりつ)ท่วงทำนอง ดนตรี
運命 (さだめ)โชคชะตา
絡める(からめる)จับไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว
こだま เสียงสะท้อน
御伽噺 (おとぎばなし)นิทานปรัมปรา
往く(ゆく)ไป
此処(ここ)ที่นี่
โดยรวมก็เป็นศัพท์แปลกๆก็เยอะอยู่ รวมถึงคันจิที่ไม่เคยเจอหรือโดยปกติไม่เขียนเป็นคันจิก็มี เช่น
御伽噺 此処 และบางประโยคก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นท่อน 言の葉を紡いで 微睡んだ泡沫 แต่ก็เข้าใจได้
มากขึ้นกว่าตอนแรกที่ไม่ได้หาศัพท์เลย เนื้อเพลงมีความแฟนตาซีมาก ดูลึกลับดีแต่ก็ชอบนะ
............................................................................................................
忘れじの言の葉 OST. グリムノーツ
言の葉を紡いで 微睡んだ泡沫
旅人迷い込む お伽の深い霧
さしのべた掌 そっと触れる予感
受け止めて零れた 光の一滴
面影を虚ろって 微笑んだ幻
想いの果てる場所 まだ遥か遠くて
求め探して 彷徨って やがて詠われて
幾千、幾万、幾億も 旋律となる
いつか失い奪われて 消える運命でも
それは忘れられる事無き 物語
指先を絡めて 触れる誰かの夢
刻まれた思いの こだまだけは響く
言の葉を紡いで 微睡んで泡沫
旅人の名前を 御伽噺と云う
求め探して 彷徨って やがて道となり
幾千、幾万、幾億の英雄が往く
いつか失い奪われて 消える運命でも
それが忘れられることなく 此処に在る
求め探して 彷徨って やがて詠われて
幾千、幾万、幾億も 旋律となる
いつか失い奪われて 消える運命でも
それが忘れられること無き 物語
วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560
[นอกเรื่อง] ศัพท์เกี่ยวกับเครื่องสำอางและการแต่งหน้า
สวัสดีค่าาทุกคน วันนี้อยากจะมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งหน้าเหมือนเดิม เพราะเป็นเหมือน
my boom ของเราในช่วงนี้ สิ่งที่อยากเขียนวันนี้จะเป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งหน้าค่ะ
หมวดเครื่องสำอาง
รองพื้น : ファンデーション
คอนซีลเลอร์ : コンシーラー
แป้ง : パウダー
ไฮไลต์ : ハイライト
เฉดดิ้ง : シェーディング
ดินสอเขียนคิ้ว : ペンシルアイブラウン
อายชาโดว์ : アイシャドウ
อายไลน์เนอร์ : アイライナー
ที่ปัดขนตา : マスカラ
ที่ปัดแก้ม : ブラッシュ
ลิป : リップ
จากคำศัพท์ข้องต้นจะเห็นได้ว่าศัพท์ในการแต่งหน้าจะใช้คำทับศัพท์ทั้งหมด ไม่เคยเจอคำศัพท์
ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นเลย ซึ่งจะแตกต่างกับภาษาไทยที่มีการใช้คำไทยเช่น รองพื้น ปัดแก้ม ปัดขนตา ใน
บางครั้ง
นอกจากนี้ที่สังเกตเกี่ยวกับการใช้คำทับศัพท์คือเรื่องสี แม้จะมีคำศัพท์ญี่ปุ่น แต่ก็มักจะใช้คำทับศัพท์
แทนอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะ ピング、グリーン、ブルー、ブラウン พวกนี้จะแทบไม่เจอเป็น
ภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็น 白 黒 赤 黄色 ก็จะยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่
เนื้อผลิตภัณฑ์
แบบฝุ่น : パウダータイプ
แบบครีม : クリームタイプ
อุปกรณ์ในการแต่งหน้า
ฟองน้ำ : スポンジ
ex. ファンデーションをスポンジでポンポンポンと塗っていきます。ลงรองพื้นด้วยฟองน้ำ
แปรงแต่งหน้า : ふで・ブラシ
นิ้วมือ : 指
ex. ふで・指に取ってまぶた全体に塗っていきます。ใช้แปรง/นิ้วมือแตะสีและลงให้ทั่วเปลือกตา
ที่ดัดขนตา : まつげカーラー・アイラッシュカーラー
ex. カーラーでまつげを上げていきます。 ดัดขนตาด้วยที่ดัด
ประโยคจะใช้รูป ていきます ตลอดเพราะผู้สอนมักจะแนะนำวิธีก่อนลงมือทำให้ดู จึงเหมือนเป็น
การอธิบายว่าจะทำอะไรต่อไป
คำศัพท์อื่นๆที่เป็นประโยชน์
การปกปิด : カバー力
ex. あまりカバー力がない。 ไม่ค่อยปกปิด
ออกสี : 発色
ex. 発色がいい ออกสีชัด
กากเพชร : ラメ
ex. ラメが入っている。 มีกากเพชรผสมอยู่
ส่วนที่กังวล : 気になる部分
ex. 気になる部分に重ね付けする。ลงทับในส่วนที่กังวล(เช่น จุดที่มีรอยสิว รอยแดง)
เกลี่ย : のばす
ex. 指でのばす。เกลี่ยด้วยนิ้วมือ
กรีดอายไลน์เนอร์ : アイラインを引く。
.........................................................................................................................
คำศัพท์ที่ลิงลิสต์มาก็มีประมาณนี้ จริงๆเหมือนจดมาให้ตัวเองหาอ่านง่ายๆเวลาอยากลองใช้
นั่นแหละ เพราะมีเพื่อนญี่ปุ่นที่ชอบแต่งหน้าเหมือนกัน จะได้คุยรู้เรื่อง นึกศัพท์ออก ถ้ามีเพิ่มจะมาลง
ใหม่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ชอบแต่งหน้านะคะ สวัสดีค่ะ ^^
วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560
[นอกเรื่อง] BEAUTY YOUTUBE CHANNEL - GODMake & KAWAII PATEEN
สวัสดีค่ะ!!! กลับมาต่อจากคราวที่แล้วแนะนำ channel Mimi TV ไป รอบนี้จะมาต่อ channel ต่อมา
เลยย
............
GODMake
GODMake รวมๆแล้วก็คล้ายกับ Mimi TV เพราะมีทั้งสอนแต่งหน้า สอนทำผม รวมไปถึงรีวิว
เครื่องสำอาง แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบ GODMake จะค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่กว่า Mimi TV
และแต่ละคลิปของ GODMake จะเป็นคลิปสั้นๆ เน้นไว ดูปุ๊บแต่งได้ปั๊บ ไม่ต้องมานั่งฟังเกริ่นตอนต้น
มากมาย
HOW TO
HAIR ARRANGE
REVIEW
นอกจากนี้ที่พิเศษกว่าคืออ จะมี how to สำหรับเทศกาลต่างๆที่ปกติไม่ค่อยเห็น beauty youtuber
ญี่ปุ่นคนไหนทำเท่าไหร่ เช่นดด้านล่างนี้เป็นตัวอย่าง how to ของวันฮาโลวีนที่ผ่านมา (บทจะแต่งก็
แต่งออกมาได้น่ากลัวใช้ได้เลยนะเนี่ย)
หรือถ้าใครอยากได้แฟนตาซีทั้งหมด ขอเชิญที่ channel ถัดไปค่ะ
........................................................................
KAWAII PATEEN
สำหรับ channel นี้ก็จะเน้นไปที่การแต่งหน้าแบบแฟนซี แต่งหน้าคอสเพลย์ (ใช้จริงค่อนข้างยาก)
แต่ก็พอมีการแต่งหน้าที่เป็น everyday look อยู่บ้าง
แต่ที่พิเศษสำหรับ channel นี้คือมีซับภาษาอังกฤษให้สำหรับคนที่ฟังภาษาญี่ปุ่นออก ก็ให้กดที่ปุ่ม
CC ที่มุมล่างขวามือ ก็จะมีซับภาษาอังกฤษขึ้นมาให้แบบนี้
..................................................................................
สำหรับการแนะนำ youtube channel ก็คงมีประมาณนี้ หากใครสนใจก็อย่าลืมไปดูนะคะ สวัสดีค่ะ ^^
วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560
[นอกเรื่อง] BEAUTY YOUTUBE CHANNEL - Mimi TV
หลังจากคราวก่อนได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับการแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นไปแล้ว รอบนี้เลยอยากจะมา
แนะนำ youtube channel สอนแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นหน่อย เป็น channel ที่ดูเป็นประจำเวลาหา
อ้างอิงแต่งหน้า (ไม่ได้รู้รายละเอียดถึงขั้นว่าใครเป็นคนสร้างหรอกนะ แค่ชอบเค้าไปหาไอเดียแต่งหน้า
ไม่ก็รีวิวเครื่องสำอางเฉยๆ)
.....................................................
Mimi TV
Mimi TV เป็น channel ที่มีทั้งสอนแต่งหน้าแบบต่างๆเช่น 毎日メイク(everyday look), ハーフ顔
メイク (ลุคสาวลูกครึ่ง) เป็นลุคที่ใช้ได้จริง แต่งไม่ยาก (ในบางครั้งแยกความแตกต่างของลุคไม่ออก
ด้วยซ้ำ 555 อย่างที่เคยบอกว่าสาวญี่ปุ่นค่อยข้างมีเอกลักษณ์ในการแต่งหน้า เน้นผิว ตาวิ้งๆ ปัดแก้ม
ชมพูๆ เลยออกมาดูคล้ายกันหมด)
นอกจากแต่งหน้าแล้วก็ยังมีสอนทำผมต่างๆ เช่น 卒業式ヘアアレ (ทรงผมสำหรับพิธีจบการศึกษา),
春のふんわりヘアアレンジ (ทรงผมสำหรับฤดูใบไม้ผลิ)
และก็ยังมีรีวิวเครื่องสำอาง ทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง cezanne (セザンヌ), canmake
(キャンメイク) ไปจนถึงแบรนด์ทางฝั่งตะวันตกที่เรียกกันว่า hi-end หรือ counter brand อย่าง
MAC หรือ DIOR ไปจนถึงแบรนด์เกาหลีอย่าง Etude house ก็มีรีวิวมาให้ดู
คิดว่า channel นี้น่าจะดังในญี่ปุ่นพอสมควรอยู่เหมือนกันเพราะช่วงหลังๆมานี่มีคนดังมาร่วมทำวีดีโอ
อยู่หลายคลิปอยู่ อย่างคลิปด้านล่างนี้
前田希美(maeda nozomi)หรือ まえのん อดีตนางแบบนิตยสาร POPTEEN
** POPTEEN เป็นนิตยสารวัยรุ่นที่ดังมากเล่มหนึ่ง เคยเข้ามาที่ไทยด้วยแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
板野友美(itano tomomi)คิดว่าหลายคนคงรู้จักเธอแน่นอน
เพราะเธอเป็นถึงอดีตนักร้องเกิลกรุ๊ป AKB48
.......................................................................................
สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับความสวยความงามรวมถึงการแต่งหน้าแบบสาวญี่ปุ่นก็ลองไปติดตาม
channel นี้ดูนะคะ (สาบานว่านี่ไม่ได้รับค่านายหน้าแต่อย่างใด5555) ไว้รอบหน้าจะมาแนะนำ channel
ต่อไปค่ะ บ๊ายบายยย
วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560
DAY 7 : 描写
18.03.17
รอบนี้ในคาบเรียน app jap ling อาจารย์ให้ฝึกอธิบายสภานการณ์โดยให้ดูรูปภาพก่อน เริ่มจากแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ดูภาพแล้วอธิบาย ส่วนอีกกลุ่มจะต้องหันหลังให้ภาพแล้วฟังที่เพื่อนอธิบาย เราได้เป็นกลุ่มที่สองคือเป็นผู้ฟังก่อน ตอนแรกเห็นเพื่อนบ่นว่ายากก็เริ่มกลัวอยู่ แต่ฟังที่เพื่อนอธิบายแล้วก็พอรู้เรื่องนะ แล้วก็ถูกตามภาพด้วย(ได้ดูภาพทีหลัง)
พอเป็นคราวตัวเองต้องอธิบาย ดูภาพไม่รู้เรื่องเลย555 ต้องออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาไทยก็จะประมาณว่า ภาพที่ได้ดูเป็นเหมือนการ์ตูนสั้นสี่ช่อง ไม่มีคำพูด คล้ายๆที่อยู่ในขายหัวเราะ(ยังมีอยู่ไหมสมัยนี้5555) ภาพแรกก็จะมีเด็กเล็กที่ยังคลานอยู่กับหมานอนอยู่ตัวนึง ต่อมาคือเด็กก็คิดว่าอยากจะขี่หมา (เป็นรูปกรอบความคิดขึ้นมาแถวๆหัว) จากนั้นเด็กก็เลยคลานเข้าไปใกล้ๆ แต่หมามันก็ลืมตาขึ้นมาพอดี เด็กเลยเปลี่ยนทิศ คือคลานอ้อมไปด้านหลัง แต่พอคลานไปถึงหมาก็หันกลับมา เด็กก็เลยตกใจ (อันนี้มารู้ทีหลังว่าคือที่เด็กตกใจเพราะคิดว่าคลานมาด้านหลังแล้วทำไมหมายังมีหน้ามีตา แต่เราไม่คิดถึงขนาดนั้น คิดว่าเด็กตกใจเพราะหมารู้ทัน)
ตอนอธิบาย อาจารย์ให้ลองอัดเสียงไว้ ก็เท่าที่ลองมาแกะดูก็ได้ประมาณนี้
写真の中には、あのう、犬と赤ちゃんがいました。犬はその時寝ている。そして、赤ちゃんは犬に乗りたいと思って、その犬に近づいていく。そして、その犬は目覚まして、犬の顔と赤ちゃんの顔とあった。そして、あのう、それで、その赤ちゃんはちょっと後ろ行って回って、犬の後ろ行って、また乗ろうと思ったけど、その犬は振り向いて、また、もう一度、顔あった。
จากที่ตัวเองพูดมีสิ่งที่อยากแก้หลายอย่างมาก ลองลิสต์มาก็จะได้ประมาณนี้
1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน ตอนที่ขึ้นตอนแรกใช้ いました แต่ต่อมากลายเป็น 寝ている
2. ใช้ その เยอะเกินไป จะเห็นได้ว่ามีทั้ง その犬 その赤ちゃん
3. ใช้คำฟุ่มเฟือยเกินไป เช่น そして แล้วยังต่อด้วย それで , また ต่อด้วย もう一度
4. ไม่รู้คำศัพท์ เช่น คำว่าคลาน (ハイハイする) เลยเปลี่ยนไปใช้คำว่าไป (行く) หรือคำว่าเผชิญหน้า(顔を合わせる) กลายเป็นคำว่า 顔あった ไปแทน
5. การละคำช่วย เช่น 犬の後ろ(に)行って
ต่อมาเป็นการอธิบายรูปที่สอง รูปนี้คือรูปที่กลุ่มแรกอธิบายและให้เราหันหลัง โดยรอบนี้อาจารย์แจกการเขียนอธิบายสถานการณ์ที่คนญี่ปุ่นเขียนไว้เพื่อให้รู้วลีและคำศัพท์ที่เป็นประโยชน์ แล้วค่อยมาลองพูดอีกรอบ รูปนี้สถานการณ์คือ น่าจะเป็นล้อบบี้ของโรงแรม มีโซฟา ที่โซฟามีคนนั่งอยู่สองคน เป็นผู้ชาย คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อีกคนนั่งเฉยๆ แล้วก็มองไปเห็นผู้ชายสะพายกล้องและถือแผนที่(น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว) จากนั้นก็สบตากัน แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา ผู้ชายที่นั่งอยู่เลยไปหลบหลังหนังสือพิมพ์ที่ผู้ชายคนข้างๆอ่าน
เท่าที่คุยกันก็ตีความกันมาว่าผู้ชายคนที่เป็นนักท่องเที่ยวน่าจะเป็นชาวต่างชาติ แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อาจจะไม่อยากคุย ไม่มั่นใจในภาษา(มีคนญี่ปุ่นเขียนว่าเป็นนิสัยของคนญี่ปุ่นที่จะหลีกเลี่ยงชาวต่างชาติ) ก็เลยหลบดีกว่า เราเองก็ตีความไม่ได้ขนาดนั้นหรอก(555) ก็จำๆเอา แล้วอาจารย์ถึงให้ลองพูดอีกครั้ง ได้ประมาณนี้
ホテルのロビーのソファーに二人の男の子が座っている。その二人は知り合いではありません。そして、ある男の人は新聞を読んでいる。そして、もう一人の男の人はただ座っている。そして、ちょっと離れたところにカメラと地図を持っている外国人がいる。その外国人は困っている顔をして、地図を見て、どこか行きたかったので、でもその地図たぶん読めない。だから、誰かに聞こうと思った。そして、その外国人は暇な男と目あって、「あ!この人聞こう」と思ったので、その男の人に歩いて行った。でも、その男の人は外国人と話したくないので、隣の新聞を読んでいる人と近づいて、新聞の後ろに隠れた。
อันนี้รู้สึกว่าเละเทะกว่าอันแรกมาก แถมพูดยาวกว่ามากเพราะเราได้ข้อมูลทั้งหมดหลังจากพูดคุยกับเพื่อนและอาจารย์ สรุปข้อที่อยากแก้ไขก็คล้ายๆเดิม
1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน
2. ใช้ そして เยอะมาก
3. その ยังคงเยอะเช่นกัน
4. พูดผิดไวยกรณ์หรือศัพท์ผิด เช่น 新聞を読んでいる人と近づいて ควรเป็น 新聞を読んでいる人に近づいて หรือ 困っている顔 น่าจะเป็น 困った顔
ที่คิดว่าอันหลังพูดได้แย่กว่าเพราะพอเราได้ข้อมูลมาเยอะ เราพยายามจะใส่มันเข้าไปทั้งหมด รวมถึงพยายามจะใช้คำเลียนแบบคนญี่ปุ่น แต่เพราะยังไม่คล่องทำให้จะกุกตะกักและพูดผิด
อีกประเด็นที่อาจารย์เสริมให้คือการใช้รูปที่แสดงอารมณ์หรือท่าทาง เช่น ている、てしまう หรือพวกคำเลียนเสียงต่างๆเพื่อให้สื่ออารมณ์ได้ดีขึ้น
สรุปง่ายๆคือ ฝึกวนไปค่ะ!!
รอบนี้ในคาบเรียน app jap ling อาจารย์ให้ฝึกอธิบายสภานการณ์โดยให้ดูรูปภาพก่อน เริ่มจากแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ดูภาพแล้วอธิบาย ส่วนอีกกลุ่มจะต้องหันหลังให้ภาพแล้วฟังที่เพื่อนอธิบาย เราได้เป็นกลุ่มที่สองคือเป็นผู้ฟังก่อน ตอนแรกเห็นเพื่อนบ่นว่ายากก็เริ่มกลัวอยู่ แต่ฟังที่เพื่อนอธิบายแล้วก็พอรู้เรื่องนะ แล้วก็ถูกตามภาพด้วย(ได้ดูภาพทีหลัง)
พอเป็นคราวตัวเองต้องอธิบาย ดูภาพไม่รู้เรื่องเลย555 ต้องออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาไทยก็จะประมาณว่า ภาพที่ได้ดูเป็นเหมือนการ์ตูนสั้นสี่ช่อง ไม่มีคำพูด คล้ายๆที่อยู่ในขายหัวเราะ(ยังมีอยู่ไหมสมัยนี้5555) ภาพแรกก็จะมีเด็กเล็กที่ยังคลานอยู่กับหมานอนอยู่ตัวนึง ต่อมาคือเด็กก็คิดว่าอยากจะขี่หมา (เป็นรูปกรอบความคิดขึ้นมาแถวๆหัว) จากนั้นเด็กก็เลยคลานเข้าไปใกล้ๆ แต่หมามันก็ลืมตาขึ้นมาพอดี เด็กเลยเปลี่ยนทิศ คือคลานอ้อมไปด้านหลัง แต่พอคลานไปถึงหมาก็หันกลับมา เด็กก็เลยตกใจ (อันนี้มารู้ทีหลังว่าคือที่เด็กตกใจเพราะคิดว่าคลานมาด้านหลังแล้วทำไมหมายังมีหน้ามีตา แต่เราไม่คิดถึงขนาดนั้น คิดว่าเด็กตกใจเพราะหมารู้ทัน)
ตอนอธิบาย อาจารย์ให้ลองอัดเสียงไว้ ก็เท่าที่ลองมาแกะดูก็ได้ประมาณนี้
写真の中には、あのう、犬と赤ちゃんがいました。犬はその時寝ている。そして、赤ちゃんは犬に乗りたいと思って、その犬に近づいていく。そして、その犬は目覚まして、犬の顔と赤ちゃんの顔とあった。そして、あのう、それで、その赤ちゃんはちょっと後ろ行って回って、犬の後ろ行って、また乗ろうと思ったけど、その犬は振り向いて、また、もう一度、顔あった。
จากที่ตัวเองพูดมีสิ่งที่อยากแก้หลายอย่างมาก ลองลิสต์มาก็จะได้ประมาณนี้
1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน ตอนที่ขึ้นตอนแรกใช้ いました แต่ต่อมากลายเป็น 寝ている
2. ใช้ その เยอะเกินไป จะเห็นได้ว่ามีทั้ง その犬 その赤ちゃん
3. ใช้คำฟุ่มเฟือยเกินไป เช่น そして แล้วยังต่อด้วย それで , また ต่อด้วย もう一度
4. ไม่รู้คำศัพท์ เช่น คำว่าคลาน (ハイハイする) เลยเปลี่ยนไปใช้คำว่าไป (行く) หรือคำว่าเผชิญหน้า(顔を合わせる) กลายเป็นคำว่า 顔あった ไปแทน
5. การละคำช่วย เช่น 犬の後ろ(に)行って
ต่อมาเป็นการอธิบายรูปที่สอง รูปนี้คือรูปที่กลุ่มแรกอธิบายและให้เราหันหลัง โดยรอบนี้อาจารย์แจกการเขียนอธิบายสถานการณ์ที่คนญี่ปุ่นเขียนไว้เพื่อให้รู้วลีและคำศัพท์ที่เป็นประโยชน์ แล้วค่อยมาลองพูดอีกรอบ รูปนี้สถานการณ์คือ น่าจะเป็นล้อบบี้ของโรงแรม มีโซฟา ที่โซฟามีคนนั่งอยู่สองคน เป็นผู้ชาย คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อีกคนนั่งเฉยๆ แล้วก็มองไปเห็นผู้ชายสะพายกล้องและถือแผนที่(น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว) จากนั้นก็สบตากัน แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา ผู้ชายที่นั่งอยู่เลยไปหลบหลังหนังสือพิมพ์ที่ผู้ชายคนข้างๆอ่าน
เท่าที่คุยกันก็ตีความกันมาว่าผู้ชายคนที่เป็นนักท่องเที่ยวน่าจะเป็นชาวต่างชาติ แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อาจจะไม่อยากคุย ไม่มั่นใจในภาษา(มีคนญี่ปุ่นเขียนว่าเป็นนิสัยของคนญี่ปุ่นที่จะหลีกเลี่ยงชาวต่างชาติ) ก็เลยหลบดีกว่า เราเองก็ตีความไม่ได้ขนาดนั้นหรอก(555) ก็จำๆเอา แล้วอาจารย์ถึงให้ลองพูดอีกครั้ง ได้ประมาณนี้
ホテルのロビーのソファーに二人の男の子が座っている。その二人は知り合いではありません。そして、ある男の人は新聞を読んでいる。そして、もう一人の男の人はただ座っている。そして、ちょっと離れたところにカメラと地図を持っている外国人がいる。その外国人は困っている顔をして、地図を見て、どこか行きたかったので、でもその地図たぶん読めない。だから、誰かに聞こうと思った。そして、その外国人は暇な男と目あって、「あ!この人聞こう」と思ったので、その男の人に歩いて行った。でも、その男の人は外国人と話したくないので、隣の新聞を読んでいる人と近づいて、新聞の後ろに隠れた。
อันนี้รู้สึกว่าเละเทะกว่าอันแรกมาก แถมพูดยาวกว่ามากเพราะเราได้ข้อมูลทั้งหมดหลังจากพูดคุยกับเพื่อนและอาจารย์ สรุปข้อที่อยากแก้ไขก็คล้ายๆเดิม
1.การใช้รูปสุภาพกับรูปธรรมดาปนกัน
2. ใช้ そして เยอะมาก
3. その ยังคงเยอะเช่นกัน
4. พูดผิดไวยกรณ์หรือศัพท์ผิด เช่น 新聞を読んでいる人
ที่คิดว่าอันหลังพูดได้แย่กว่าเพราะพอเราได้ข้อมูลมาเยอะ เราพยายามจะใส่มันเข้าไปทั้งหมด รวมถึงพยายามจะใช้คำเลียนแบบคนญี่ปุ่น แต่เพราะยังไม่คล่องทำให้จะกุกตะกักและพูดผิด
อีกประเด็นที่อาจารย์เสริมให้คือการใช้รูปที่แสดงอารมณ์หรือท่าทาง เช่น ている、てしまう หรือพวกคำเลียนเสียงต่างๆเพื่อให้สื่ออารมณ์ได้ดีขึ้น
สรุปง่ายๆคือ ฝึกวนไปค่ะ!!
วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560
DAY 6 : 紹介文
04.03.17
รอบนี้มีงานเขียนแนะนำอะไรก็ได้ในมหาลัย เลยเลือกเทวาลัยเพราะเป็นตึกที่ชอบ และเพื่อนคณะอื่นไม่ค่อยรู้ว่าเป็นตึกของคณะอักษรและก็ไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร
รอบแรกลองร่างเป็นภาษาไทยก่อน ก็ได้ออกมาตามด้านล่าง
" เทวาลัยประกอบด้วยอาคารสองอาคาร ได้แก่ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ และ อาคารมหาวชิราวุธ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2457 เป็นอาคาร 2 ชั้น เดิมใช้เป็นสำนักงานบริหารและอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนอาคารมหาวชิราวุธเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยเพิ่มชั้นใต้ดินและชั้นใต้หลังคา ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักคณบดี แผนกธุรการต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ และห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ "
แล้วคาบต่อมาถึงได้ให้เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นและก็ได้รู้ว่าหายนะมีจริง เพราะมีศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไรดีอยู่เยอะมาก เช่น อาคารสำนักคณบดี แต่ก็ลองมั่วๆคำเท่าที่ทำได้ ลองเสิช google ดูว่าคนใช้คำไหนกัน นอกจากนั้นก็เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาเพราะว่าเท่าที่ลองร่างมาเป็นภาษาไทยมันสั้นเกิดไป เช่น สร้างโดยใคร เมื่อปีพ.ศ.อะไร เป็นต้น
รอบแรกที่ส่งไปก็ได้รับการแก้ไข เช่น การใช้คำศัพท์ รวมถึงไวยกรณ์ที่ใช้ …で、…です。ซึ่งอาจารย์บอกว่าใช้ไม่ได้ ก็ลองปรับ นอกจากนี้ก็เปลี่ยนจากคำว่า 勤めた เป็น 勤めていた เพื่อบอกว่าคนที่ออกแบบตึกทำงานที่ไหน เป็นกริยาที่ต้องเน้นระยะเวลาและความต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็ลองค้นหาคำใหม่มาใส่แทน และก็ส่งไปอีกรอบ
รอบนี้ได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับการแบ่งย่อหน้า เนื่องจากเขียนเปรียบเทียบระหว่างเทวาลัยที่มีสองอาคาร อาคารหนึ่งใหญ่กว่าอีกอาคารหนึ่ง อาจารย์เขียนคอมเม้นต์มาว่าในการเปรียบเทียบ ควรจัดเลย์เอ้าท์ให้อ่านง่ายและเหมาะสม เลยใช้คำว่า 一方 เพื่อเปรียบเทียบ และลองแบ่งย่อหน้าใหม่อีกรอบ ให้ย่อหน้าแรกเป็นย่อหน้าเกริ่น ย่อหน้าสองพูดถึงอาคารหลังใหญ่ ย่อหน้าสามพูดถึงอาคารหลังเล็ก และย่อหน้าสุดท้ายเป็นสรุป และแก้ไขประโยค 文学部の人たちの誇りのようです เพราะอาจารย์คอมเม้นต์มาว่าหากใส่ よう จะดูไม่มั่นใจ เลยตัดออกไป
หลังจากเขียนแก้เสร็จแล้วก็เอาไปให้ชาวญี่ปุ่นในเว็บ lang-8 ช่วยแก้ไขให้อีกรอบหนึ่ง ซึ่งอันที่เสร็จสมบูรณ์คืออันนี้
テーワーライ:文学部の象徴
チュラーロンコーン大学には美しいタイ風の建物があります。2軒の建物があって、真ん中にある渡り廊下で繋がっています。この建物は文学部の建物で、テーワーライと呼ばれています。2軒の建物はそっくりに見えますが、実は大きいのと小さいのがあります。
大きい建物はマハーチュラーロンコーンと呼ばれています。タイの内務省に勤めていたドイツ人の建築家と教育省に勤めていたのイギリス人の建築家によって設計されて、仏歴2457年に建てられました。13世紀のタイのスコータイ時代の美術とサワンカロークの美術の影響を受けました。2皆で、昔は管理事務所とチュラーロンコーン大学の最初の校舎として使われていました。しかし、現在は閉まっていて、大切な儀式にだけ使われます。
一方、小さい建物はマハーワシラーウットと呼ばれています。地下と屋根裏を含めて、4階の建物になりました。文学部長室と事務室と図書館として使われています。
テーワーライは美しくて、長い歴史があるので、チュラーロンコーン大学の大切な1軒の建物、そして文学部の人たちの誇りです。
ที่แก้มาให้คือตรงประโยค 真ん中にある渡り廊下で繋がっています ตอนแรกที่เขียนไปไม่ได้ใส่คำว่า
ある
จากบทเรียนนี้ก็ได้ฝึกการเขียน 紹介文 และได้ความรู้หลายๆอย่าง ถึงจะยากแต่ก็ช่วยให้เราพัฒนาไปได้อีกระดับ
......................................................
รอบนี้มีงานเขียนแนะนำอะไรก็ได้ในมหาลัย เลยเลือกเทวาลัยเพราะเป็นตึกที่ชอบ และเพื่อนคณะอื่นไม่ค่อยรู้ว่าเป็นตึกของคณะอักษรและก็ไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร
รอบแรกลองร่างเป็นภาษาไทยก่อน ก็ได้ออกมาตามด้านล่าง
" เทวาลัยประกอบด้วยอาคารสองอาคาร ได้แก่ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ และ อาคารมหาวชิราวุธ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2457 เป็นอาคาร 2 ชั้น เดิมใช้เป็นสำนักงานบริหารและอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนอาคารมหาวชิราวุธเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยเพิ่มชั้นใต้ดินและชั้นใต้หลังคา ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักคณบดี แผนกธุรการต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ และห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ "
แล้วคาบต่อมาถึงได้ให้เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นและก็ได้รู้ว่าหายนะมีจริง เพราะมีศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไรดีอยู่เยอะมาก เช่น อาคารสำนักคณบดี แต่ก็ลองมั่วๆคำเท่าที่ทำได้ ลองเสิช google ดูว่าคนใช้คำไหนกัน นอกจากนั้นก็เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาเพราะว่าเท่าที่ลองร่างมาเป็นภาษาไทยมันสั้นเกิดไป เช่น สร้างโดยใคร เมื่อปีพ.ศ.อะไร เป็นต้น
รอบแรกที่ส่งไปก็ได้รับการแก้ไข เช่น การใช้คำศัพท์ รวมถึงไวยกรณ์ที่ใช้ …で、…です。ซึ่งอาจารย์บอกว่าใช้ไม่ได้ ก็ลองปรับ นอกจากนี้ก็เปลี่ยนจากคำว่า 勤めた เป็น 勤めていた เพื่อบอกว่าคนที่ออกแบบตึกทำงานที่ไหน เป็นกริยาที่ต้องเน้นระยะเวลาและความต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็ลองค้นหาคำใหม่มาใส่แทน และก็ส่งไปอีกรอบ
รอบนี้ได้รับการแก้ไขเกี่ยวกับการแบ่งย่อหน้า เนื่องจากเขียนเปรียบเทียบระหว่างเทวาลัยที่มีสองอาคาร อาคารหนึ่งใหญ่กว่าอีกอาคารหนึ่ง อาจารย์เขียนคอมเม้นต์มาว่าในการเปรียบเทียบ ควรจัดเลย์เอ้าท์ให้อ่านง่ายและเหมาะสม เลยใช้คำว่า 一方 เพื่อเปรียบเทียบ และลองแบ่งย่อหน้าใหม่อีกรอบ ให้ย่อหน้าแรกเป็นย่อหน้าเกริ่น ย่อหน้าสองพูดถึงอาคารหลังใหญ่ ย่อหน้าสามพูดถึงอาคารหลังเล็ก และย่อหน้าสุดท้ายเป็นสรุป และแก้ไขประโยค 文学部の人たちの誇りのようです เพราะอาจารย์คอมเม้นต์มาว่าหากใส่ よう จะดูไม่มั่นใจ เลยตัดออกไป
หลังจากเขียนแก้เสร็จแล้วก็เอาไปให้ชาวญี่ปุ่นในเว็บ lang-8 ช่วยแก้ไขให้อีกรอบหนึ่ง ซึ่งอันที่เสร็จสมบูรณ์คืออันนี้
テーワーライ:文学部の象徴
チュラーロンコーン大学には美しいタイ風の建物があります。2軒の建物があって、真ん中にある渡り廊下で繋がっています。この建物は文学部の建物で、テーワーライと呼ばれています。2軒の建物はそっくりに見えますが、実は大きいのと小さいのがあります。
大きい建物はマハーチュラーロンコーンと呼ばれています。タイの内務省に勤めていたドイツ人の建築家と教育省に勤めていたのイギリス人の建築家によって設計されて、仏歴2457年に建てられました。13世紀のタイのスコータイ時代の美術とサワンカロークの美術の影響を受けました。2皆で、昔は管理事務所とチュラーロンコーン大学の最初の校舎として使われていました。しかし、現在は閉まっていて、大切な儀式にだけ使われます。
一方、小さい建物はマハーワシラーウットと呼ばれています。地下と屋根裏を含めて、4階の建物になりました。文学部長室と事務室と図書館として使われています。
テーワーライは美しくて、長い歴史があるので、チュラーロンコーン大学の大切な1軒の建物、そして文学部の人たちの誇りです。
ที่แก้มาให้คือตรงประโยค 真ん中にある渡り廊下で繋がっています ตอนแรกที่เขียนไปไม่ได้ใส่คำว่า
ある
จากบทเรียนนี้ก็ได้ฝึกการเขียน 紹介文 และได้ความรู้หลายๆอย่าง ถึงจะยากแต่ก็ช่วยให้เราพัฒนาไปได้อีกระดับ
......................................................
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
DAY 5 : [นอกเรื่อง] 日本風メイク
22.02.17
อยากลองเขียนอะไรที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียนซักหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี แต่พอดีช่วงนี้กลับมา
ชอบการแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่นหลังจากไปคลั่งไคล้เทรนด์เครื่องจากฝรั่งตะวันตกอยู่ซักพัก (และหมดตัว
ไปเยอะอยู่ T^T)
ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่สนใจด้านการแต่งหน้าและแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยม.1 และเทรนด์ที่ติดตามบ่อย
ที่สุดคือของญี่ปุ่น ซื้อนิตยสารแฟชั่นมาดูสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัวประจำเลย
จริงๆคิดว่าการแต่งหน้าแบบญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สไตล์
การแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ถ้าพูดถึงการแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่น หลายคน
คงนึกภาพสาวญี่ปุ่นติดขนตาหนาๆ ปัดแก้มหนักๆ และปากเน้นทาสีสดใสและมีความแวววาว
เรื่องปัดแก้มนี่ต้องยกให้สาวญี่ปุ่นจริงๆ ปัดหนัก ปัดจริงจัง ปัดให้เห็นว่าปัด 5555 (แต่ถ้าไม่ให้เห็นว่า
ปัดจะปัดทำไมละเนอะ)
ก็ไม่ผิดถ้าจะคิดภาพแบบนั้น แต่จริงๆแล้วการแต่งหน้าที่เป็นที่นิยมของสาวญี่ปุ่นจริงๆเท่าที่เห็นมาน่า
จะเป็นแต่งหน้าแบบธรรมชาติ หรือ ナチュラルメイク พูดง่ายๆคือแต่งเหมือนไม่แต่งนั่นแหละ และ
เป็นการแต่งหน้าที่เรากำลังพยายามจะแต่งให้ได้อยู่ในช่วงนี้
อยากลองเขียนอะไรที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียนซักหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี แต่พอดีช่วงนี้กลับมา
ชอบการแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่นหลังจากไปคลั่งไคล้เทรนด์เครื่องจากฝรั่งตะวันตกอยู่ซักพัก (และหมดตัว
ไปเยอะอยู่ T^T)
ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่สนใจด้านการแต่งหน้าและแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยม.1 และเทรนด์ที่ติดตามบ่อย
ที่สุดคือของญี่ปุ่น ซื้อนิตยสารแฟชั่นมาดูสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัวประจำเลย
จริงๆคิดว่าการแต่งหน้าแบบญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สไตล์
การแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ถ้าพูดถึงการแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่น หลายคน
คงนึกภาพสาวญี่ปุ่นติดขนตาหนาๆ ปัดแก้มหนักๆ และปากเน้นทาสีสดใสและมีความแวววาว
เรื่องปัดแก้มนี่ต้องยกให้สาวญี่ปุ่นจริงๆ ปัดหนัก ปัดจริงจัง ปัดให้เห็นว่าปัด 5555 (แต่ถ้าไม่ให้เห็นว่า
ปัดจะปัดทำไมละเนอะ)
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
ก็ไม่ผิดถ้าจะคิดภาพแบบนั้น แต่จริงๆแล้วการแต่งหน้าที่เป็นที่นิยมของสาวญี่ปุ่นจริงๆเท่าที่เห็นมาน่า
จะเป็นแต่งหน้าแบบธรรมชาติ หรือ ナチュラルメイク พูดง่ายๆคือแต่งเหมือนไม่แต่งนั่นแหละ และ
เป็นการแต่งหน้าที่เรากำลังพยายามจะแต่งให้ได้อยู่ในช่วงนี้
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
ประมาณนี้ที่อยากได้ แต่สาวญี่ปุ่นขาวมากและผิวดีมากแบบไม่จำเป็นต้องลงรองพื้น บีบี
คอนซีลเลอร์ หรืออะไรทั้งนั้น (อิจฉานิดๆ555)
แต่นอกจากแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ในบางครั้งสาวญี่ปุ่นก็มีเทรนด์แต่งหน้าที่เห็นแล้วรู้สึกว่า จะดีหรอ
ออกมาให้เห็นอยู่เป็นช่วงๆ ตัวอย่างเช่นภาพด้านล่าง
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าจะลงสีอายชาโดว์หรือบลัชออนสีชมพูหรือสีแดงที่ใต้ตาให้เด่นออกมา
การแต่งหน้าแบบนี้เรียกว่า ウサギメイク หรือการแต่งหน้าเลียนแบบกระต่าย เป็นเทรนด์ที่มาแรงใน
ช่วงปลายปี 2015-2016 สาวญี่ปุ่นเขาบอกว่าแต่งแบบนี้ผู้ชายจะมองว่าน่ารักน่าทะนุถนอมค่ะ
เหมือนกระต่ายขาวตาแดงๆใกล้จะร้องไห้ ต้องการการปลอบโยน (.....)
การแต่งหน้าอีกเทรนด์นี่ค่อนข้างน่าแปลกใจ(ว่าคิดได้ยังไง ครีเอทสุดๆ) เรียกว่า 二日酔いメイク
หรือแต่งให้เหมือนคนเมาค้างค่ะ เน้นโทนสีแดงเหมือนกัน
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
สวยไม่สวยก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน จริงๆแล้วแบบไหนที่ทำให้เรามั่นใจก็แต่งไปเถอะค่ะ
อย่าไปคิดมาก
สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ดีกว่า ขอตัวไปฝึกแต่งหน้าต่อ(ล้อเล่นค่ะ5555) สวัสดีค่ะ ^^
วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
DAY 4 : デザイン
16/02/2560
คาบที่ผ่านมาได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับการวางรูปแบบของการนำเสนอต่างๆ โดยในคาบเรียนนี้ต้องนำไปประยุกต์ใช้กับสไลด์ Power point ที่เป็นงานกลุ่ม จริงๆแล้วเชื่อว่าทุกๆคนก็คงได้ทำ Power point กันมาตั้งแต่ประถมแล้วล่ะ เพียงแต่การทำสไลด์ให้น่าสนใจและอ่านง่ายนั้นยังมีเทคนิคอีกมากที่เราอาจจะยังไม่รู้
หนังสือที่อาจารย์ให้มาศึกษาชื่อว่า 一生使える見やすい資料のデザイン入門 (森重湧太,2016) หน้าตาเป็นแบบนี้
ข้างในก็จะแนะนำว่าการวางรูปแบบแบบไหนที่ดีไม่ดี และยังมีตัวอย่างเป็นรูปภาพประกอบเพื่อให้เข้าใจง่าย พอได้ลองอ่านก็พบว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจและมีประโยชน์มากเพราะในชีวิตมหาวิทยาลัยรวมไปถึงการทำงาน เราก็ยังจำเป็นต้องใช้ Power point ในการนำเสนอสิ่งต่างๆ และหากเราสามารถทำให้สไลด์ของเราน่าสนใจและเข้าใจง่ายได้ก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อตัวเราและผู้ชม
เท่าที่ได้อ่านมีหลายหัวข้อที่ชอบและคิดว่าเป็นประโยชน์ เช่น การวาง Layout รูปภาพ หากมีทั้งภาพใหญ่และภาพเล็กจะทำให้ดูไม่เป็นระเบียบ แต่ถ้าเราวางภาพให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันและมีขนาดเท่ากันจะทำให้สไลด์ดูสะอาดตาและสวยงามมากกว่า
จากภาพเป็นตัวอย่างที่ปรากฏในหนังสือ จะเห็นได้ว่าฝั่งซ้ายที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีจะมีการวาง Layout ที่ทำให้อ่านยากและไม่เป็นระเบียบ หากเราแก้เป็นแบบขวาก็จะดูสบายตาและมีลำดับมากขึ้น
ตัวอย่างด้านบนเป็นอีกหัวข้อที่ชอบ คือ เป็นการจัดเรียงข้อความให้เป็นกรุ้ป อยากตัวอย่างด้านขวาซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี เรื่องที่พูดถึงคือเรื่องเครื่องขายของอัตโนมัติ จะเห็นได้ว่าแนวตั้งจะมีการเรียงลำดับขั้นตอนตั้งแต่การใส่เงิน การเลือกสินค้า และสุดท้ายคือเงินทอน ส่วนแนวนอนจะเป็นความสัมพันธ์แบบเปรียบเทียบ เช่น เหรียญและธนบัตร ร้อนและเย็น ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและดูเป็นระเบียบมากขึ้นอีกด้วย
จากตัวอย่างต่างๆในหนังสือทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าอ่านและมีประโยชน์อย่างมาก คำศัพท์ที่ใช้ก็ไม่ยากจนเกินไปรวมถึงมีการใส่ภาพประกอบเพื่อช่วยในการอธิบายอย่างละเอียด เป็นหนังสืออีกเล่มที่ควรมีไว้ในครอบครองจริงๆ
วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
DAY 3 : 自己紹介 again and again
03.03.17
คราวนี้ในคาบเรียนก็ต้องพูด 自己紹介 อีกแล้ว แต่รู้สึกว่าทำไปเท่าไหร่ก็ยังไม่ชินและพูดไม่ได้อย่างที่ต้องการ คงเป็นเพราะเวลาต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆยังคงรู้สึกตื่นเต้น
รอบนี้อาจารย์ให้เลือกแนะนำตัวสามจากสี่หัวข้อ ที่อาจารย์ให้มามี 名前、研究、性格 และ ストレス解消 ที่เลือกพูดคือ 名前、研究、และ ストレス解消 ส่วน 性格 ไม่รู้จะอธิบายตัวเองยังไงดี
「はい、みんなさん、初めまして。リンラダーと申します。長かったらリンと呼んでください。あのう、研究は日本の伝統の色について研究しています。例えば、あのう、名前の由来などです。はい。ストレス解消に行うことは怖い話を見たり、読んだりしています。特に日本の怖い話が大好きです。よろしくお願いします。」
จากที่ลองถอดเสียงจากที่อัดมาจากในคลาสพบว่าพูดได้ดีขึ้นเล็กน้อย มีการเสนอชื่อที่น่าจะเรียกและจำง่ายสำหรับคนญี่ปุ่นแทนชื่อจริงที่ยาวกว่า ส่วนเรื่องเคงคิวก็ได้อธิบายรายละเอียดโดยการยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจมากขึ้นตามที่ได้เรียนมาในคาบเรียน
แต่ก็ยังมีส่วนที่อยากปรับปรุงคือ การพูด はい มากเกินไป และประโยค 研究は日本の伝統の色について研究しています。คิดว่าอยากจะแก้เป็น 日本の伝統の色について研究しています。หรือ 研究は日本の伝統の色についてです。
โดยรวมถือว่าพอใจในระดับหนึ่งกับการแนะนำตัวของตัวเอง แต่ก็คิดว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกเพื่อให้แนะนำตัวได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคงรู้สึกประหม่าเวลาแนะนำตัว คิดว่าหากฝึกฝนบ่อยๆน่าจะช่วยให้ประหม่าน้อยลงได้
คราวนี้ในคาบเรียนก็ต้องพูด 自己紹介 อีกแล้ว แต่รู้สึกว่าทำไปเท่าไหร่ก็ยังไม่ชินและพูดไม่ได้อย่างที่ต้องการ คงเป็นเพราะเวลาต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆยังคงรู้สึกตื่นเต้น
รอบนี้อาจารย์ให้เลือกแนะนำตัวสามจากสี่หัวข้อ ที่อาจารย์ให้มามี 名前、研究、性格 และ ストレス解消 ที่เลือกพูดคือ 名前、研究、และ ストレス解消 ส่วน 性格 ไม่รู้จะอธิบายตัวเองยังไงดี
「
จากที่ลองถอดเสียงจากที่อัดมาจากในคลาสพบว่าพูดได้ดีขึ้นเล็กน้อย มีการเสนอชื่อที่น่าจะเรียกและจำง่ายสำหรับคนญี่ปุ่นแทนชื่อจริงที่ยาวกว่า ส่วนเรื่องเคงคิวก็ได้อธิบายรายละเอียดโดยการยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจมากขึ้นตามที่ได้เรียนมาในคาบเรียน
แต่ก็ยังมีส่วนที่อยากปรับปรุงคือ การพูด はい มากเกินไป และประโยค 研究は日本の伝統の色について研究しています。คิดว่าอยากจะแก้เป็น 日本の伝統の色について研究しています。หรือ 研究は日本の伝統の色についてです。
โดยรวมถือว่าพอใจในระดับหนึ่งกับการแนะนำตัวของตัวเอง แต่ก็คิดว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกเพื่อให้แนะนำตัวได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคงรู้สึกประหม่าเวลาแนะนำตัว คิดว่าหากฝึกฝนบ่อยๆน่าจะช่วยให้ประหม่าน้อยลงได้
วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560
DAY 2 : (また)自己紹介
30.01.2017
ครั้งนี้อาจารย์ก็ได้ให้งานเหมือนเดิมคือให้ลองกลับไปเขียน 魅力的な自己紹介 โดยอ้างอิงกับเทคนิคต่างๆที่อาจารย์สอนในคาบ ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากให้คนจดจำชื่อเราได้ โดยเฉพาะชื่อของคนไทยที่อาจจะไม่คุ้นหูสำหรับคนญี่ปุ่น รวมถึงการออกเสียงซึ่งค่อนข้างยากเช่นกัน จึงควรหาเคล็ดลับเพื่อให้คนจำเราได้ เช่น บอกความหมายของชื่อ พูดชื่อของตัวเองซ้ำๆ นอกจากนี้คนไทยยังมีชื่อเล่นอีกด้วย
ชื่อเล่นจริงๆของเราคือ ผักกาด แต่ถ้าออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นจะเป็น パッカード ยาวพอๆกับชื่อจริงและยังออกเสียงยากด้วย (笑) ตอนที่ไปแลกเปลี่ยนเลยให้เพื่อนญี่ปุ่นเรียกว่า リン จากชื่อจริง
リンラダー
ส่วนเรื่องต่อมาคือการแนะนำตัวโดยการเลือกพูดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเผื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว(?) หรือมีการเล่าเรื่องราว (エピソード)
รอบก่อนที่เขียนแนะนำตัวไปเขียนแค่ชื่อจริงซึ่งยาวกว่า เขียนงานอดิเรก รวมไปถึงวิธีลดความเครียด ซึ่งอาจมีประเด็นหลากหลายเกินไปและไม่ได้เขียนรายละเอียดในแต่ละประเด็นเท่าที่ควรเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องความยาว คิดว่าหากแนะนำตัวยาวเกินไปอาจทำให้คนฟังเบื่อได้ จึงอยากเล่าเรื่องเดียวให้ละเอียด ซึ่งเรื่องที่เลือกเป็นงานอดิเรกคือถ่ายรูป จึงลองบรรยายเหตุผลที่ชอบ และเผื่อมีคนที่สนใจในเรื่องถ่ายรูปเหมือนๆกันอาจจะมีประเด็นในการสนทนาในคราวหลังที่พบกัน
นี่คือบทแนะนำตัวที่ลองเขียนดูจากสิ่งที่อาจารย์แนะนำและได้รับการแก้ไขจากคนญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ถูกแก้จะเป็นไวยกรณ์
「 初めまして。リンラダーと申します。呼びにくかったら、リンと呼んでください。チュラーロンコーン大学で日本語を専攻しています。趣味は写真を撮ることです。高校の時から興味を持っていて、どこに行っても、いつも大好きなカメラを持って行っています。私が得意なのは人物写真です。人の写真を撮って、その人がきれいだねと褒めてくれて、プロファールの写真などに使ってくれると、とても嬉しいです。もし、写真に興味を持っている人がいたら、私と話してください。どうぞよろしくお願いします。」
ครั้งนี้อาจารย์ก็ได้ให้งานเหมือนเดิมคือให้ลองกลับไปเขียน 魅力的な自己紹介 โดยอ้างอิงกับเทคนิคต่างๆที่อาจารย์สอนในคาบ ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากให้คนจดจำชื่อเราได้ โดยเฉพาะชื่อของคนไทยที่อาจจะไม่คุ้นหูสำหรับคนญี่ปุ่น รวมถึงการออกเสียงซึ่งค่อนข้างยากเช่นกัน จึงควรหาเคล็ดลับเพื่อให้คนจำเราได้ เช่น บอกความหมายของชื่อ พูดชื่อของตัวเองซ้ำๆ นอกจากนี้คนไทยยังมีชื่อเล่นอีกด้วย
ชื่อเล่นจริงๆของเราคือ ผักกาด แต่ถ้าออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นจะเป็น パッカード ยาวพอๆกับชื่อจริงและยังออกเสียงยากด้วย (笑) ตอนที่ไปแลกเปลี่ยนเลยให้เพื่อนญี่ปุ่นเรียกว่า リン จากชื่อจริง
リンラダー
ส่วนเรื่องต่อมาคือการแนะนำตัวโดยการเลือกพูดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเผื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว(?) หรือมีการเล่าเรื่องราว (エピソード)
รอบก่อนที่เขียนแนะนำตัวไปเขียนแค่ชื่อจริงซึ่งยาวกว่า เขียนงานอดิเรก รวมไปถึงวิธีลดความเครียด ซึ่งอาจมีประเด็นหลากหลายเกินไปและไม่ได้เขียนรายละเอียดในแต่ละประเด็นเท่าที่ควรเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องความยาว คิดว่าหากแนะนำตัวยาวเกินไปอาจทำให้คนฟังเบื่อได้ จึงอยากเล่าเรื่องเดียวให้ละเอียด ซึ่งเรื่องที่เลือกเป็นงานอดิเรกคือถ่ายรูป จึงลองบรรยายเหตุผลที่ชอบ และเผื่อมีคนที่สนใจในเรื่องถ่ายรูปเหมือนๆกันอาจจะมีประเด็นในการสนทนาในคราวหลังที่พบกัน
นี่คือบทแนะนำตัวที่ลองเขียนดูจากสิ่งที่อาจารย์แนะนำและได้รับการแก้ไขจากคนญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่ถูกแก้จะเป็นไวยกรณ์
「 初めまして。リンラダーと申します。呼びにくかったら、リンと呼んでください。チュラーロンコーン大学で日本語を専攻しています。趣味は写真を撮ることです。高校の時から興味を持っていて、どこに行っても、いつも大好きなカメラを持って行っています。私が得意なのは人物写真です。人の写真を撮って、その人がきれいだねと褒めてくれて、プロファールの写真などに使ってくれると、とても嬉しいです。もし、写真に興味を持っている人がいたら、私と話してください。どうぞよろしくお願いします。」
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560
DAY 1 : 自己紹介
10.01.17
「はい、みんなさん、はじめまして。私はリンラダーと申します。今、チュラーロンコーン大学日本語専攻勉強しています。今、私は日本の色について研究しています。はい。そして、勉強以外のことはストレスがある時私はだいたい音楽聞いて、あとは、友達と遊んでいます。はい、これで、よろしくお願いします。」
นี่คือประโยคแนะนำตัวที่ได้พูดกับเพื่อนๆในกลุ่มในคาบภาษาญี่ปุ่น ถึงแม้จะเคยแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่นมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นจึงทำให้ทำได้ไม่ดีเท่าที่ต้องการ ไม่ว่าจะพูดติดขัด ผิดไวยกรณ์ หรือลืมสิ่งสำคัญที่ต้องการจะพูด
เมื่อลองมาฟังสิ่งที่ตัวเองพูดไป จึงมีหลายจุดที่ต้องการจะแก้ไข เช่นการใช้คำว่า はい มากจนเกินไป การใช้คำว่า 今 หรือ そして ซึ่งปกติแล้วคนญี่ปุ่นไม่ใช้กัน รวมไปถึงการละคำช่วยมากจนเกินไป
นอกจากนี้ยังมีหลายประโยคที่อยากจะแก้ไขเช่น 「勉強以外のことはストレスがある時私はだいたい音楽聞いて、あとは、友達と遊んでいます。」เป็น 「ストレス解消は音楽を聞いたり、友達と遊んだりすることです。」ซึ่งในประโยคนี้เป็นการยกหัวข้อขึ้นมาเป็นประธานโดยการใช้ は ซึ่งคนญี่ปุ่นมักใช้กัน
แต่จริงๆแล้วถ้าพูดถึงวิธีแก้เครียด สำหรับเราคงเป็นการดูหนังผีล่ะมั้ง 555 ถ้าพูดไปแบบนั้นอาจจะน่าสนใจและทำให้คนจำเราได้ก็ได้นะ
「はい、みんなさん、はじめまして。私はリンラダーと申します。今、チュラーロンコーン大学日本語専攻勉強しています。今、私は日本の色について研究しています。はい。そして、勉強以外のことはストレスがある時私はだいたい音楽聞いて、あとは、友達と遊んでいます。はい、これで、よろしくお願いします。」
นี่คือประโยคแนะนำตัวที่ได้พูดกับเพื่อนๆในกลุ่มในคาบภาษาญี่ปุ่น ถึงแม้จะเคยแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่นมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นจึงทำให้ทำได้ไม่ดีเท่าที่ต้องการ ไม่ว่าจะพูดติดขัด ผิดไวยกรณ์ หรือลืมสิ่งสำคัญที่ต้องการจะพูด
เมื่อลองมาฟังสิ่งที่ตัวเองพูดไป จึงมีหลายจุดที่ต้องการจะแก้ไข เช่นการใช้คำว่า はい มากจนเกินไป การใช้คำว่า 今 หรือ そして ซึ่งปกติแล้วคนญี่ปุ่นไม่ใช้กัน รวมไปถึงการละคำช่วยมากจนเกินไป
นอกจากนี้ยังมีหลายประโยคที่อยากจะแก้ไขเช่น 「勉強以外のことはストレスがある時私はだいたい音楽聞いて、あとは、友達と遊んでいます。」เป็น 「ストレス解消は音楽を聞いたり、友達と遊んだりすることです。」ซึ่งในประโยคนี้เป็นการยกหัวข้อขึ้นมาเป็นประธานโดยการใช้ は ซึ่งคนญี่ปุ่นมักใช้กัน
แต่จริงๆแล้วถ้าพูดถึงวิธีแก้เครียด สำหรับเราคงเป็นการดูหนังผีล่ะมั้ง 555 ถ้าพูดไปแบบนั้นอาจจะน่าสนใจและทำให้คนจำเราได้ก็ได้นะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)